วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ฮวงจุ้ยดีมีชัย

สารพัดความเชื่อที่ไม่ถูกต้องที่ปะปนอยู่ในวิชาฮวงจุ้ย

               วิชาฮวงจุ้ยนั้นมีหลักการที่เป็นวิทยาศาสตร์และมีเหตุผลในเชิงตรรกวิทยารองรับ ไม่ใช่เรื่องของความเชื่อในทางไสยศาสตร์อย่างที่คนทั่วไปเข้าใจกัน ดังเช่น  

1. เสือคาบดาบแก้ทางสามแพร่งได้หรือไม่
                  อันที่จริงแล้ว...เสือคาบดาบไม่ใช่อุปกรณ์ในวิชาฮวงจุ้ย แต่เพิ่งริเริ่มนำมาใช้กันไม่เกิน40 – 50 ปีนี้เอง โดยซินแสที่ไม่ได้เข้าใจหลักวิชาฮวงจุ้ยอย่างถ่องแท้ เช่น แก้ไขปัญหาเหตุร้ายของบ้านที่อยู่ทางสามแพร่งไม่ตก คิดว่าเป็นทางผ่านของวิญญาณ จึงนำความเชื่อทางไสยศาสตร์ว่าเสื้อเป็นสัตว์ดุร้าย หากนำหน้าเสือมาติด จะช่วยไล่วิญญาณร้ายได้ ก็ไม่ก็ใช้ภาพโป็ยข่วยมาติดแทน แท้จริงแล้วทางสามแพร่งไม่ได้ร้ายเสมอไป เป็นเพียงถนนที่พุ่งตรงเข้ามาทำให้ลมพัดเข้าบ้านแรงกว่าปกติ ซึ่งถ้าเข้ามาทำมุมกับบ้านในองศาที่ไม่ดี ก็จะทำให้เกิดเรื่องวิบัติขึ้นกับคนในบ้านในปีนั้น โดยการแก้ไขที่ถูกต้อง จะต้องคำนวณพลังชี่ว่าเป็นธาตุใด ก็ให้นำวัตถุธาตุนั้นมาแก้ไข เช่น หากเป็นพลังชนิดที่ 5 (ธาตุดินอมไฟ) อาจใช้ กระดิ่งโลหะ ธาตุทองแขวนในทิศนี้สลายพลัง หรือ ถ้าเป็นพลังธาตุน้ำเข้ามา ก็อาจต้องใช้สีเขียวทาแก้ไข หากทิศนั้นชอบกระแสเคลื่อนไหวของพลังงาน การพบทางสามแพร่งพุ่งใส่อาคาร กลับจะนำความรุ่งเรืองมาให้อีกหลายเท่าตัว


 2. การตั้งเจ้าที่ (ตี่จู๋เอี๊ย) จำเป็นหรือไม่
                   เจ้าที่ไม่ได้มีผลต่อความเจริญรุ่งเรืองของผู้อยู่อาศัย และไม่ไช่เรื่องของวิชาฮวงจุ้ยโดยตรง แต่เหตุผลที่ซินแสในอดีตแนะนำให้ลูกค้าตั้งเจ้านั้น เป็นสิ่งที่มีภูมิปัญญาอันแยบยลซ่อนอยู่เบื้องหลัง เนื่องจากคนที่ค้าขายส่วนใหญ่ก็มักคิดแต่จะเอาเปรียบลูกค้า หากซินแสจะสอนเรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต ลูกค้าฟังตอนเช้า พอบ่ายก็ลืมหมด จึงได้แนะนำให้ตั้งตี่จู๋เอี๊ย โดยบอกว่าให้ตั้งใจค้าขายอย่าโกงลูกค้า เมื่อวันตรุษจีน เจ้าที่ก็จะขึ้นไปรายงานกับเง็กเซียนฮ่องเต้ประทานรางวัลให้ หากเอาเปรียบลูกค้าก็จะถูกลงโทษ ทุกครั้งที่ลูกค้าหันไปเห็นเจ้าที่ตั้งอยู่ ก็จะคิดถึงคำสอนขึ้นมาได้ ไม่คิดคดเอาเปรียบใคร ซึ่งถ้าตั้งใจค้าขาย บริการลูกค้าด้วยความจริงใจ ซื่อสัตย์สุจริต ลูกค้ามีความประทับใจ ก็แนะนำคนมาใช้บริการเพิ่มขึ้น ธุรกิจการค้าก็จะค่อยๆ มีความเจริญก้าวหน้าขึ้นมาได้
                ลองคิดความเป็นจริง ฝรั่งต่างชาติไม่เคยตั้งเจ้าที่ในบ้าน ทำไมจึงมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ ในขณะที่บ้านเราตั้งเจ้าที่ทุกบ้าน ถึงช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำไม่เห็นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนมาช่วยเตือนท่านให้รอดพ้นวิกฤติได้ แต่ถ้าเจอเจ้าของบ้านเป็นคนจีนรุ่นเก่า ที่เชื่ออย่างฝังหัว ผมก็จะแนะนำให้ตั้งตี่จู๋เอี๊ยในจุดที่ต้องการพลังธาตุไฟเพราะเป็นสีแดง แถมจุดไปบ่อยๆก็สามารถกระตุ้นพลังได้


3. ตั้งฮกลกซิ่ว แล้วจะทำให้รวยจริงหรือไม่
               ในสมัยโบราณมีคนจีน 3 คน ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงส่ง 3 ด้าน โดยคนที่หนึ่งร่ำรวยเหมือนทักษิณเพราะตั้งใจทำมาหากิน ด้วยความเฉลียวฉลาด ละเอียดรอบคอบ ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ทำให้เจริญรุ่งเรืองเหนือธรรมดา ส่วนคนที่สองตั้งใจรับใช้บ้านเมืองและประชาชน จนได้รับการปูนบำเหน็จแต่งตั้งเป็นมหาอำมาตใหญ่เปี่ยมด้วยอำนาจวาสนา ส่วนคนสุดท้ายรู้จักดูแลสุขภาพจิต สุขภาพกายจนมีอายุยืนกว่าคนทั่วไป แถมมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง คนจีนจึงได้คิดปั้นรูปท่านทั้ง 3 ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นตัวแทนความสำเร็จในชีวิตทั้ง 3 ด้าน เพื่อไว้เตือนใจตน ให้ตั้งใจบริหารชีวิตของตัวเองทั้ง 3 ด้านให้ดี คือ ต้องตั้งใจทำงานให้เจริญรุ่งเรือง หลังจากมีแล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะช่วยเหลือสังคม และสุดท้ายก็ต้องหมั่นดูแลให้มีสุขภาพดี อารมณ์แจ่มใส ไม่ใช่มัวแต่บ้างานหรือหาเงินอย่างเดียวเท่านั้น คือเรียกว่ามีทั้ง ฮก ลก ซิ่ว นั่นเอง ไม่ใช่ว่าตั้งตุ๊กตาฮกลกซิ่วอย่างเดียวแล้วจะรวยได้ ไม่อย่างนั้นร้านที่ขายฮกลกซิ่ว ซึ่งมีเป็นร้อยๆองค์ คงได้รวยใหญ่จนล้ำหน้าบิลเกตต์ไปแล้ว!  


4. ที่ดินหน้าแคบหลังกว้างเป็นรูปถุงเงิน ฮวงจุ้ยดีจะเก็บเงินอยู่
                เรื่องนี้เป็นเรื่องกฎระเบียบของประเทศจีน ในอดีตที่เขาจัดเก็บภาษีตามหน้ากว้างของที่ดิน บ้านไหนที่ดินหน้าแคบก็จะเสียภาษีน้อย จึงมีเงินเหลือเก็บ ส่วนปัจจุบัน ที่หน้าแคบๆคนไม่ชอบ ขายไม่ได้ราคา คนขายจึงพยายามยกกฎเกณฑ์ฮวงจุ้ยเรื่องนี้มาอ้างเพื่อช่วยให้ขายได้ง่ายขึ้น


 5. ห้องน้ำอยู่กลางบ้านหรืออยู่ในห้องนอน ทำให้ฮวงจุ้ยเสีย
               ถ้าใครเคยไปเมืองจีนคงพอทราบว่าห้องน้ำในสมัยก่อนนั้นเหม็นและสกปรกขนาดไหน เต็มไปด้วยเชี้อโรคและกลิ่นอันชื้น หากอยู่กลางบ้านไม่มีแสงแดดมาช่วยฆ่าเชื้อโรคบ้างคนที่อยู่คงเสียสุขภาพ แต่ห้องน้ำในปัจจุบันมีสุขอนามัยดีกว่าในอดีตมาก ห้องน้ำจะตั้งที่ใดก็ไม่ส่งผลร้ายต่อผู้พักอาศัย ของเพียงแต่ทิศนั้นพลังไม่ขัดกับธาตุน้ำเท่านั้น
เชิญร่วมทำบุญสร้างหอระฆังวัด
และกิจกรรม "เหลือขอ"
เพื่อช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหา

6. เลขที่บ้านและทะเบียนรถยนต์มีผลกับชีวิตหรือไม่
              ตัวเลขเป็นสิ่งที่มนุษย์สมมุติขึ้นมา ไม่ได้เกี่ยวกับพลังธรรมชาติแต่อย่างใด จึงไม่ได้ส่งผลบวกหรือลบต่อคนโดยตรง แต่ละชาติก็มีคตินิยมความชอบตัวเลขแตกต่างกันเป็นคนไทยไม่ชอบเลข6 เพราะฟังดูเหมือนหกหมดเสียหาย ส่วนคนจีนบอกว่าเสียงเหมือน ฮก ลก ซิ่ว เป็นมงคลมาก แล้วจะเชื่อใครดี เหมือนเรื่องชื่อต้นไม้ เวลาที่คนขายคิดจะส่งเสริมให้ต้นไม้ขายดีก็จะเปลี่ยนชื่อต้นไม้จากชื่อที่ชาวบ้านเรียก มาเป็นชื่อที่หรูหราเป็นมงคล อย่างเช่น เพชรร้อยล้าน ว่านมหาเศรษฐี ฯลฯ ไม่ทราบว่า หลังจากซื้อมาปลูกแล้วใครรวยระหว่างคนซื้อกับคนขาย  


7. ไม้บรรทัดที่แสดงระยะมงคล จริงหรือไม่
             เรื่องระยะมงคลนี้มาจากตำราหลู่ปัง ซึ่งเป็นช่างไม้ในวังหลวง แต่มีข้อน่าสงสัยคือ ในตำราเล่มนี้กลับมีคำศัพท์บางตัว ที่เป็นคำของยุคหลังจากหลู่ปังเกือบพันปี เหมือนบอกว่าในหลักศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง มีคำว่า โลกาภิวัฒน์ อย่างไรอย่างนั้น แท้จริงแล้วน่าจะเป็นกลยุทธ์ของช่างไม้ในการยกระดับภาพพจน์จากการเป็นแค่คนงานก่อสร้างมาเทียบเท่าซินแสฮวงจุ้ยเสียมากกว่า คือถ้าช่างคนไหนมีวิชาดีเจ้าของบ้านก็เกรงใจ บริการดี และเรียกร้องค่าตัวได้มาก เป็นเทคนิคทางมาร์เก็ตติ้ง ดีๆ นี่เอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของฮวงจุ้ยแต่ประการใด เพราะฮวงจุ้ยเป็นเรื่อง วิชาการบริหารพลังธรรมชาติให้มาเสริมพลังของคน เช่น ถ้าจุดนั้นของบ้านเป็นทิศที่พลังดี ก็ควรเปิดให้กว้างที่สุดเพื่อให้พลังเข้าได้สะดวก ไม่ใช่ต้องระยะเท่านั้นจึงจะดี หรือคุณคงเคยเห็นโต๊ะ เก้าอี้ที่ออกแบบตามหลักไม้บรรทัดมงคล ที่บางสำนักทำขาย จะพบว่าขนาดจะสูงกว่าปกติจนนั่งไม่สบายถ้าต้องใช้ทุกวันจะนั่งคิดงานที่ดีออกมาสร้างความสำเร็จได้อย่างไร  


8. ต้องมีธรณีประตูเพื่อดักโชคลาภหรือไม่
             ไม่จำเป็นและไม่ใช่หลักฮวงจุ้ยโดยตรง แต่เหตุผลที่บ้านส่วนมากที่เมืองจีนในอดีตต้องมีธรณีประตู เพราะเวลาสร้างบ้านไม่ได้มีการถมที่ (ซึ่งก็ต้องเห็นใจ สมัยก่อนไม่มีรถแทรกเตอร์ขุดดินมาถมและบดอัดดิน) เวลาที่ฝนตกหนักน้ำจะท่วมเข้าบ้าน จึงต้องสร้างธรณีประตูขึ้นมากันไม่ให้น้ำไหลเข้าบ้าน แต่ถามว่าถูกหลักฮวงจุ้ยหรือไม่ ตอบให้ได้เลยว่า ถ้าองศาทิศทางนั้นเป็นพลังที่ดีแล้วกำลังเข้ามาทางด้านหน้าบ้าน แต่กลับไปสร้างอะไรมาปิดกั้น ก็จะทำให้พลังดีไม่สามารถเข้าได้สะดวก พลอยทำให้โชคลาภและโอกาสทางธุรกิจสูญเสียไป แต่ถ้าทิศนั้นคำนวณพบว่าเป็นพลังร้าย การมีธรณีประตูมากั้นพลัง ถือว่าเป็นอุปกรณ์แก้ฮวงจุ้ยที่มีประสิทธิภาพ (ส่วนจะคำนวณอย่างไรว่า ทิศไหนดีหรือร้าย ให้ดูในบทที่เกี่ยวกับการคำนวณพลังของสำนักที่เกี่ยวกับทิศทาง)


9. การตั้งสิงโตหินหรือสำริด จะช่วยแก้ฮวงจุ้ยได้อย่างไร
               ในสมัยโบราณ ซินแสแนะนำให้ใช้สิ่งโตหินหรือโลหะ ตั้งเพื่อแก้ไข กรณีที่บ้านอยู่ตรงทางสามแพร่ง ช่องลมหรือมุมแหลมตึก เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวเร่งกระแสลมให้พัดนำเอาพลังเข้ามามากขึ้น ซึ่งถ้าปีใดเป็นพลังร้ายก็จะส่งผลร้ายต่อผู้อยู่อาศัยอย่างรุนแรง จึงต้องหาวัตถุที่ใหญ่ๆ หนักๆ มาตั้งขวางกระแสพลังไว้ (สิงโตหินสมัยก่อนสูงใหญ่จริงๆ) แต่แนะนำให้เจ้าของบ้าน หาเป็นรูปสิงโตเพราะตั้งแล้วดูสง่าดีเหมือนของตกแต่งที่ดูเข้ากับแบบบ้านแนวจีนในสมัยนั้น แต่ซินแสรุ่นหลังไม่ได้เข้าใจความหมายที่แท้จริง ไปคิดเอาว่า สิงโตเป็นสัตว์วิเศษ สามารถแก้พลังร้ายได้ จึงเอามาใช้เป็นอุปกรณ์แก้ฮวงจุ้ย โดยไปทำย่อลงเป็นขนาดเล็กๆจุ๋มจิ๋มน่ารัก เอาไปติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์อะไร
 หมายเหตุ
              การตั้งที่ถูกหลัก จะต้องคำนวณกระแสที่พุ่งมาว่าเป็นพลังดีหรือร้าย หากสามแพร่ง หรือช่องลมนั้นเป็นพลังที่ดี ก็ไม่ควรเอาอะไรไปตั้งขวาง เพราะทิศสามแพร่งที่ดีนั้นอยู่แล้วจะเจริญรุ่งเรือง อย่างผิดหูผิดตา แบบพลิกชีวิตเลยทีเดียว แต่ถ้าเป็นพลังร้าย จึงควรที่จะหาอะไรมาปิดหรือขวางกระแสไว้ รวมทั้งต้องรู้ว่ากระแสที่พุ่งมานั้นเป็นธาตุอะไร ถ้าเป็นธาตุไฟ (เช่นพลังชนิดที่ 9 หรือทิศใต้) ก็ควรที่จะตั้งสิงโตหินซึ่งเป็นธาตุดินเพื่อถ่ายเทพลังไฟ หากพลังร้ายเป็นธาตุดินก็ต้องเลือกสิงโตที่เป็นโลหะ เพื่อถ่ายเทพลังดินออกจะได้ไม่เหลือพลังร้ายมาสู่คนเหมือนอย่างความเชื่อผิดๆ ของสำนักงานใหญ่ธนาคารบางแห่ง ที่เดิมตั้งสิงโตโลหะตัวใหญ่ แล้วเปลี่ยนมาเป็นช้างโลหะแทนในภายหลัง เพราะเหตุผลว่าสิงโตดุไล่ลูกค้าหมด ส่วนช้างเป็นสัตว์ใหญ่ ใจดี รับแขก ซึ่งเป็นความเข้าใจฮวงจุ้ยที่ผิดเพี้ยนไปจากหลักวิชามาก ที่จริงแล้ว ทิศทางนั้นพลังโชคลาภ และบารมี เป็นธาตุทอง แต่พลังบารมี ชอบสภาพนิ่งๆ กลับมาเจอประตูซึ่งเคลื่อนไหว จึงควรตั้งวัตถุใหญ่ๆ หนักข้างประตูมาเสริมธาตุทอง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปอะไร ความจริงก็ไม่สำคัญ! แต่พลังโชคลาภจะหมดปี พ.ศ.2547 กลับมาเปลี่ยนเอาช้างโลหะมาตั้ง ช่วงที่พลังจะหมดยุคพอดี จึงไม่มีประโยชน์อันใดจากการเสียสตางค์หลายล้านในครั้งนี้  


10. ติดรูปภูเขาที่หลังที่ทำงานจะทำให้มีบารมีจริงหรือ
                รูปภาพก็คือกระดาษแผ่นหนึ่งเท่านั้น เราจะพิมพ์หมึกสีอะไรใส่เข้าไปก็เหมือนเดิม คนที่เข้าใจฮวงจุ้ยที่แท้จริงเอาจะอ่านเป็นแค่กระดาษกับเป็นสีของธาตุอะไร ไม่ได้ดูความหมายเชิงสัญลักษณ์ว่า ภูเขาหมายถึงความมั่นคงหรือ รูปปั้นมังกร คือ ความสูงศักดิ์ ตั้งแล้วจะยิ่งใหญ่มั่งคั่งเวลาที่ซินแสมองมังกรตัวนั้น ก็แค่พิจารณาว่าทำจากวัสดุอะไร หากหล่อจากทองเหลืองก็ดูเป็นแค่ธาตุทองชนิดหนึ่ง ไม่ต่างจากถังแสตนเลสหนึ่งใบ แต่ถ้าติดรูปภูเขาแล้วทำให้ความรู้สึกของคุณดีขึ้นก็ติดต่อไปได้ครับ นึกดูง่ายๆเหมือนกับถ้าเราติดรูปดอกไม้ แล้วจะมีผึ้งหรือผีเสื้อสักตัวเข้ามาตอมหรือไม่

ขออวยพรแด่ลูกศิษย์ทุกคนจงมั่งมีเงินทอง สุขภาพแข็งแรง
มีสติปัญญาแก้ไขปัญหา เจริญก้าวหน้าในทุกๆด้าน
 กุศลที่พึงมี บารมีที่เกิดขึ้นจากการสร้างสาระความรู้ครั้งนี้
ขอกุศลนั้นจงแผ่ไปยังคุณบิดา คุณมารดา ญาติมิตร
คุณครูบาอาจารย์ ผู้บังคับบัญชา เพื่อนรวมงาน
รวมถึงเจ้ากรรมนายเวร เปรตผี และวิญญาณเร่รอน
จงได้รับบุญ บารมีนี้กันทั่วหน้า
ด้วยความปรารถนาดีจาก
อาจารย์เอก  กิตติพัฒน์
รับปรึกษาฮวงจุ้ย ด้วยหลักการภายใต้เหตุและผล
โทร. 093-1497954

....................................................................................................................................................................

              "บันไดบ้านคือทางเดินของมังกร" 

             ซึ่งถือว่าเป็นการเปรียบเทียบที่ให้ความสำคัญกับบันไดที่เชื่อกันว่ามีการบัญญัติหลักวิชานี้ภายหลังในสมัยเฉียนหลงแห่งราชวงค์ชิง ซึ่งเป็นรัชสมัยที่ให้ความสำคัญความสำคัญในเรื่องของทำเลและการดูดาว ดังที่มีเรื่องเล่าว่า จักรพรรดิเฉียนหลงได้ให้สร้างหอดูดาวที่ให้สูงเท่ากับหอหลิงไถ สมัยราชวงศ์เซี่ย สามพันกว่าปีโดยประมาณ เพื่อคอยดูดาวกษัตริย์ หรืออ๋องชายแดนที่จะกระด้างกระเดื่องกบฏต่อแผ่นดินของพระองค์ โดยพระองค์จะเสด็จขึ้นลงหอนี้เป็นประจำ  ‘บันได’ ในทางฮวงจุ้ยถือว่าเป็นตัวเชื่อมโยงของพลังชี่ ระหว่างพื้นบ้านในแต่ละชั้น และยังเป็นตัวสร้างความเคลื่อนไหว เกิดการเคลื่อนที่ของพลังงาน ถ้าวางตำแหน่งบันไดผิด ย่อมส่งผลเสียต่อผู้อยู่อาศัยแน่นอน แต่ถ้าวางตำแหน่งที่ถูกต้อง ก็อาจจะช่วยเสริมโชคลาภได้ ดังนั้น เราลองมาดูการวางบันไดที่ถูกหลักฮวงจุ้ยกันดีกว่า การสร้างบันได ไม่ใช่จะสร้างอย่างไรก็ได้ แต่ต้องให้มีความแข็งแรง ปลอดภัย ไม่เช่นนั้นจะเป็นอันตราย และเกิดอุบัติเหตุต่อสมาชิกในครอบครัวได้ง่าย           

1. บันไดไม่ควรวางอยู่ตรงกับประตูทางเข้าบ้าน เพราะจะทำให้กระแสชี่ไหลเข้าบ้านไม่สะดวก อีกทั้งยังทำให้กระแสชี่ไหลออกนอกบ้านได้ง่าย ลักษณะอย่างนี้ในทางฮวงจุ้ยหมายถึง "เก็บทรัพย์ไม่อยู่" หรือ "ขัดทรัพย์" เรียกได้ว่า หาเงินมาเท่าไหร่ ก็ไม่มีเหลือ         

 2. หากจำเป็นจะต้องทำบันไดบริเวณประตูทางเข้าบ้าน ควรทำเลี่ยงมาทางด้านข้างแทน เพื่อให้บริเวณหน้าประตูเป็นชานพัก แต่ต้องระวังอย่าทำบันได ข้าง ในลักษณะเดินขึ้นข้างหนึ่ง แล้วไปลงอีกข้างหนึ่ง เพราะบันไดจะเข้าข่ายเมรุเผาศพ คนโบราณถือว่าอัปมงคลยิ่ง   
          
3. ห้ามวางตำแหน่งบันไดไว้ใจกลางของบ้าน ในทางฮวงจุ้ยจะถือว่าเป็นตำแหน่งหัวใจของบ้าน เพราะฉะนั้นการจะนำอะไรไปวางในจุดนี้ จะต้องพิจารณาให้มากๆ ซึ่งในกรณีจุดกลางบ้านเป็นบันได จะถือว่าเป็นข้อเสียและเป็นข้อห้ามในทางฮวงจุ้ย เพราะจะทำให้เจ้าของบ้านอยู่ไม่ติดบ้านหรือชีพจรลงเท้า เนื่องจากบันไดมีสภาพที่เคลื่อนไหว ไม่หยุดนิ่ง นอกจากนี้ อาจทำให้เจ้าของบ้านเป็นโรคหัวใจได้ง่าย เพราะตำแหน่งหัวใจจะมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา            
 4. ตำแหน่งบันไดที่ดี ควรอยู่ข้างบ้าน อาจอยู่ซ้ายหรือขวาก็ได้ โดยส่วนใหญ่จะพิจารณาจากประตูทางเข้าบ้านเป็นหลัก ถ้าประตูทางเข้าอยู่ซ้าย บันไดก็ควรอยู่ขวา แต่ถ้าประตูอยู่ขวา บันไดก็ควรอยู่ซ้าย จึงจะถือว่าดี แต่ตำแหน่งที่ดีที่สุดควรวางไว้ส่วนกลางของบ้าน ไม่ใช่ใจกลางบ้าน อย่าสับสน เหตุผลก็คือเป็นจุดที่สะดวกที่สุด เพราะเวลาจะเดินไปหน้าบ้านหรือหลังบ้าน จะมีระยะห่างที่พอๆกัน     
       
5. บันไดไม่ควรอยู่ในทิศตรง (ออก ตก เหนือ ใต้) อาจจะทับดาวเสน่ห์ของสมาชิกในบ้านได้ การหันตำแหน่งทางขึ้นบันไดแนะนำให้หันในทิศเฉียง โดยไม่ควรอยู่ในทิศหลักอย่าง ตะวันออก เหนือ ใต้ หรือตะวันตก เพราะอาจจะทับดาวเสน่ห์ของสมาชิกในบ้าน บดบังพลังบวกต่าง ๆ หากหันในทิศเฉียง เช่น ตะวันออกเฉียงเหนือ แทน จะช่วยเปิดทางได้มากขึ้น (ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญดูแบบละเอียด)           

6. บันไดห้ามชันและแคบ บันไดที่ดีจะต้องลาดชันไม่เกิน 45 องศา บันไดที่กว้างย่อมดีกว่าแคบ เพราะจะทำให้การเดินสะดวก ไม่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ความกว้างไม่ควรต่ำกว่า 1 เมตร ขนาดที่เหมาะสมที่สุดอยู่ที่ 1.2-1.5 เมตร ความสูงอยู่ที่ระหว่าง 15-20 ซม. โดยความสูงที่ดีที่สุดอยู่ที่ 17.5 ซม. และความลึกของบันไดอยู่ที่ 25-30 ซม. หากความลึกน้อยกว่านี้จะทำให้การเดินนั้นอันตรายและไม่สะดวก 
            
7. บันไดบ้านไม่ควรเทออกจากประตูห้องนอนในระยะกระชั้น เนื่องจากที่บันไดจะมีสภาพเหมือน Slope เทออกตลอดเวลา ดังนั้นกระแสอากาศจะไหลออกจากประตูสม่ำเสมอ หากประตูห้องนอนของท่านรับพลังงานจากองศาทิศทางที่ดี จะมีผลให้เกิดการนำพาพลังงานที่ดีนั้นออกไปอย่างสม่ำเสมอด้วยเช่นเดียวกัน โดยสภาพของบันไดที่กระชั้นกับประตูห้องนอนเกินไปนั้นคือระยะที่ต่ำกว่า 1-2 เมตร ยิ่งบันไดใกล้ประตูยิ่งมีผลกระทบมาก ทางแก้ไขให้นำฉากมากั้นระหว่างประตูกับบันได   
        
8. ควรมีชานพักคั่นกลางบันได เพื่อป้องกันสภาพการไหลของกระแสอากาศที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาบริเวณบันได ไม่ให้มีอัตราเร่งของการไหลที่สูงจนเกินไปนัก การทำชานพักที่กลางระยะความสูงรวมของบันได ถือว่าจะเป็นตัวที่ช่วยในการชะลอการไหลของกระแสอากาศได้             
9. ขั้นบันไดห้ามเป็นเลขคู่ เป็นเพราะในทางสถาปัตยกรรมศาสตร์นั้น สถาปนิกส่วนใหญ่จะชอบออกแบบตามหลักการที่ว่า หากเราเริ่มเดินด้วยเท้าข้างใด ควรจะจบขั้นสุดท้ายด้วยเท้าอีกข้าง เพื่อจะทำให้เกิดความสมดุลของการทรงตัวในขณะที่เดินขึ้นและลงบันได แต่คนโบราณเชื่อว่าเลขคี่จะหมายถึงคนเป็น ส่วนเลขคู่จะหมายถึงคนตาย      
      
10. บ้านที่มีบันไดนอกบ้าน คือ บันไดโจร บันไดบ้านไม่ควรอยู่นอกบ้าน แม้จะสวยงามแต่ถือว่าเป็นบันไดโจร นอกจากจะทำให้ผู้อาศัยมีเกณฑ์เสียเงินเสียทองแล้ว ยังเป็นการเปิดทางให้กับมิจฉาชีพเข้าสู่ตัวบ้านง่ายขึ้นด้วย       
    
11. สำหรับบ้านทรงไทยหรือบ้านยกพื้นสูง หากมีบันไดออกมานอกบ้าน แนะนำให้ทำบันไดทางซ้ายหรือขวาของประตูบ้าน จะทำให้เก็บเงินได้ดีโดยสิ่งที่สำคัญที่สุดของการวางบันไดในหลักการตามศาสตร์ฮวงจุ้ยในเชิงองศา ทิศทาง( Compass Feng Shui Theory ) คือซินแสจะวางบันไดบ้านอยู่ในองศาทิศทางที่ดีประจำอยู่ ดังนั้นเพื่อการจัดฮวงจุ้ยให้ได้ผลที่ดีที่สุดนั้นการวางบันไดควรได้รับการวางให้ถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ยตั้งแต่ช่วงออกแบบบ้านเพราะบันไดนั้นถือเป็นโครงสร้างหนึ่งของบ้านที่ไม่สามารถแก้ไขทีหลังได้แล้ว
อาจารย์เอก  กิตติพัฒน์
รับปรึกษาฮวงจุ้ย ด้วยหลักการภายใต้เหตุและผล
โทร. 093-1497954


เชิญร่วมทำบุญสร้างหอระฆังวัด
และกิจกรรม "เหลือขอ"
เพื่อช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือผู้ที่ประสบปัญหา



5 ความคิดเห็น:

  1. ควรเริ่มดูฮวงจุ้ยตอนไหนจะดีที่สุด?
    ถ้าจะให้ดีที่สุด ควรเริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อที่ดิน..กำลังออกแบบ..ก่อสร้าง หรือก่อนเข้าอยู่
    ถ้าเจอปัญหาแล้วถึงแก้ ก็นับว่าสายไป
    แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้แย่ไปกว่านี้

    > ดังนั้น ยิ่งตรวจสอบฮวงจุ้ยได้เร็ว ยิ่งดี

    " ถังน้ำที่รั่ว เติมเท่าไหร่ ก็ไม่มีวันเต็ม "

    ตอบลบ
  2. ใช้เหตุผล วิทยาศาสตร์ในการตรวจสอบ คล้ายกับการออกแบบของสถาปนิก
    > ดังนั้นลูกศิษย์อาจารย์จึงมีทุกศาสนา

    ใช้ทุกศาสตร์ที่สามารถแก้ปัญหา ตอบโจทย์ได้ ไม่ว่าจะเป็น
    • ฮวงจุ้ยจีน
    • ฮวงจุ้ยไทย
    • ฮวงจุ้ยแก้ดวง
    • ฮวงจุ้ยแบรนด์
    • ธรรมะ ปฏิบัติธรรม / วิปัสสนา
    • โหราศาสตร์ไทย
    • ทักษา
    • พลังแห่งสีสัน
    • การตลาด
    • การสร้างแบรนด์
    • การบริหารจัดการ
    • NLP พลังจิตใต้สำนึก
    • การก่อสร้าง
    • การอ่านแบบก่อสร้าง
    • อื่นๆ

    ตอบลบ
  3. อาจารย์ไม่รับดูฮวงจุ้ยที่ทำธุรกิจผิดศีล 5 เช่น คาสิโน อาบอบนวด โรงฆ่าสัตว์ นำเข้าเหล้าและแอลกอฮอล์
    > สายขาว ไม่มีไสยศาสตร์ ไม่มีการกลั่นแกล้งศัตรู คู่แข่งให้ ยึดทางสายคุณธรรม
    > มั่นใจได้ !! ไม่เปิดเผยดวง ให้กับผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าตัว ครอบครัว และผู้ที่เกี่ยวข้อง ณ สถานที่นั้น ก่อนได้รับอนุญาต

    ตอบลบ
  4. ขั้นตอนการจองคิวดูฮวงจุ้ย
    1. ส่งข้อมูลของสถานที่ ที่ต้องการเชิญท่านอาจารย์ไปดูฮวงจุ้ย เพื่อประเมินค่าครู
    - แจ้งลักษณะสถานที่ เช่น เป็นบ้าน ออฟฟิศ หรือโฮมออฟฟิศ โรงแรม สถานที่ราชการ
    - ขนาดของพื้นที่ กี่ตรว.
    - จำนวนคนที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องผูกดวง
    - พิกัดที่อยู่ อำเภอ จังหวัด
    - รูปสถานที่ทั้งบริเวณด้านในและด้านนอก
    - โจทย์ สโคปงาน ที่ต้องการให้อาจารย์ช่วย
    ส่งทางไลน์ >> line id = kitti7895
    -------------------------------------------------
    2. ทีมงานทำการประเมินค่าครู

    เนื่องจากลูกศิษย์ท่านอาจารย์ มีตั้งแต่บ้านหลังเล็ก จนกระทั่งโรงแรม รีสอร์ท โครงการอสังหาริมทรัพย์
    ค่าครูเริ่มต้นที่ 30,000-100,000บาท สำหรับพื้นที่ไม่เกิน 100 ตรว.
    จนไปถึงหลักแสน ถึงหลักล้าน
    ** ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของโจทย์ ขนาด จำนวนดวง เวลาที่ใช้ **
    ค่าครูที่ได้รับมาทุกเคส อาจารย์นำเงินส่วนหนึ่งไปทำบุญสะเดาะเคราะห์เสริมดวงให้
    ** กรณีต่างจังหวัดและต่างประเทศ **
    ค่าครูคิดเท่ากับกรุงเทพฯ ลูกศิษย์ดูแลการเดินทาง โรงแรม อาหารและอื่นๆสำหรับอาจารย์และผู้ช่วยอีก 1 ท่าน
    -------------------------------------------------
    3. หลังตกลงในส่วนค่าครูเรียบร้อยแล้ว ถ้าเจ้าที่เปิดทาง ดวงเปิด
    อาจารย์ถึง ตกลงรับเคสนี้

    โดยตรวจสอบจาก
    กรณีฮวงจุ้ยบ้าน => ให้ส่งวันเดือนปีเวลาเกิด และอาชีพของทุกคน
    กรณีฮวงจุ้ยธุรกิจ => ให้ส่งข้อมูลวันเกิดเจ้าของกิจการ หุ้นส่วน พร้อมตำแหน่งหน้าที่รับผิดชอบ

    ตอบลบ
  5. 6 วิธีสังเกตง่ายๆว่า
    ฮวงจุ้ยเราเสียหายอยู่หรือเปล่า ?

    1. นอนหลับไม่สนิท
    นอนหลับยาก ถึงแม้พยายามข่มตานอน ก็ยังนอนไม่หลับ

    2. ตื่นเช้ามาไม่สดชื่น
    อ่อนเพลีย เราอาจจะกำลังนอนผิดทิศ ที่ส่งพลังงานธาตุกับดวงเราอยู่ หรืออาจเกิดจากสภาพห้องนอน มีของมากไป ส่งพลังรบกวนการนอน

    3. อารมณ์แปรปรวน
    บางวันดี บางช่วงหงุดหงิดง่าย มีปัญหากับคนรอบตัว ทั้งๆที่เราไม่อยากมีปัญหา แต่มันคุมไม่อยู่... ><

    4. การงานถดถอย
    ถึงแม้จะพยายามพัฒนาตัวเอง ก้าวทันโลก ขยัน ขวนขวายเต็มที่แล้วอะไรๆก็ยังไม่ดีขึ้น เศรษฐกิจไม่ดีก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ทำไมมีคนรวยขึ้นทุกปี แต่ดันไม่ใช่เรา

    5. การเงินรั่วไหล
    หากเราเป็นคนฟุ้งเฟ้อ ด้วยความหงุดหงิด เครียดแล้วช็อป อันนี้พลังงานในตัวเรา หยินหยางอาจกำลังเสียสมดุล
    แต่ถ้าหากเราเป็นคนประหยัด แต่มีเรื่องให้เสียตลอด ซ่อมบ้าน..อุบัติเหตุ..เจ็บป่วย..คนยืม..โดนโกง หรือแม้แต่มีเรื่องเดือดร้อนจากคนอื่น จนต้องเสียทรัพย์
    อาการเหล่านี้อาจเกิดจากฮวงจุ้ยเสียหาย !!

    6. สุขภาพไม่ดี
    หากเราหรือคนในครอบครัว มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรัง แม้อาการไม่หนัก แต่เป็นๆหายตลอด หรือบางคนเป็นหนัก เข้าโรงพยาบาลหมดเงินไปหลายแสนหลายล้านแล้ว ทำยังไงก็ไม่ดีขึ้น ลองตรวจสอบฮวงจุ้ยดู อาจจะตกใจว่าผิดมานานมาก ><
    ............................................................

    》》ทั้ง 6 ข้อนี้ ถ้าใครเป็นมานาน ฮวงจุ้ยอาจเสียหายมานานมาก
    แต่ถ้าใครเพิ่งเป็น และเป็นต่อเนื่องระยะหนึ่ง
    2 เดือนขึ้นไป อาจจะเรียกได้ว่า "ช่วงนี้ดวงตก"

    สังเกตได้ว่า..
    มักจะเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนปี
    ช่วง พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป

    หรือมักจะเป็นช่วงเปลี่ยนอายุ
    ก่อนถึงวันเกิด 1-2 เดือน และหลังวันเกิด 1-2 เดือน เป็นต้นไป

    เนื่องจากองศาทิศทางของโลก ทำมุมกับดาวบางดวงที่ส่งพลังขัดกันกับธาตุในตัวเรา
    และขัดกันกับของที่จัดเรียงในบ้านเรา

    ( พลังของดาวทุกดวง มีคลื่นส่งมาถึงเรา
    โดยที่เราไม่รู้ตัว
    เหมือนคลื่นโทรศัพท์
    เหมือนดวงจันทร์ ที่ทำให้น้ำขึ้นลงได้
    และไม่ได้ส่งผลแค่น้ำทะเลเท่านั้น
    แต่ส่งผลกับทั่วโลก )

    》》ลองแก้ไขด้วยการ
    ทำบุญ ทำทาน + จัดวางข้าวของใหม่
    จะช่วยให้หนักเป็นเบาได้ ^____^

    หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
    ถ้าใครพบว่ามีข้อใดข้อหนึ่ง

    ตอบลบ